ข้อเท็จจริงของไทเฮาหลี่ กับการลงโทษหมูข้างส้วมที่น่าสะพรึง

 

วันนี้แอดมินจะเอาเรื่องของไทเฮาหลี่จื้อ ซึ่งเป็นไทเฮาของราชวงศ์ฮั่น ที่โหดร้าย ที่สุด จนประวัติศาสตร์ต้องจารึก และแอดมินต้องเอามาพูดกันเลยทีเดียว ไทเฮาองค์นี้เป็นต้นตำรับการลงโทษสนมที่สวามีโปรดปรานที่สุด โดยเป็นการลงโทษแบบมนุษย์หมู เอ่ะ มนุษย์หมูนี่มันคืออะไรหรอคะ? แอดมิน มันโหดร้ายมากหรอคะ? มันโหดร้ายมากเลยค่ะ ขั้นตอนแรกเนี่ยคือการจับสนมที่สาวสวยขึ้นมา พร้อมกับโกนศีรษะ ตัดแขนขาทั้งสองข้างออกโดยสิ้นเชิง แล้วก็ควักดวงตาทั้งสองข้างให้ตาลุกเป็นโพลง พร้อมกับโยนสนมร่างเน่าๆนั้นไปไว้ในกองอาจม สนมผู้นั้นต้องคลานไปส่งเสียงน่าเวทนา ไม่ต่างกับหมู นี่แหละคือการลงโทษแบบมนุษย์หมูซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อนในประวัติศาสตร์

แต่ว่าแอดมินเนี่ยะก็สงสัยเหมือนกันว่าไทเฮาหลี่จื้อ ตัวเองเนี้ยะพื้นฐานเป็นที่มีความโหดร้ายมาก่อนหรือป่าว? ทำไมถึงได้สั่งลงโทษสนมที่พระสวามีทรงโปรดได้อย่างผิดมนุษย์มะนา ซึ่งหลังจากแอดมินไปค้นแล้วทำให้แอดมินเข้าใจเลยว่า พื้นฐานของไทเฮาหลี่จื้อนี้ พื้นฐานเป็นคนที่ดีและเป็นสุภาพสตรีที่ดีพร้อม แต่เหตุผลต่างๆที่กำลังจะเล่าให้ฟังนี่ล่ะ คือเหตุผลที่ผลักดันให้คนดีกลายเป็นคนเหี้ยมโหด และแอดมินขอเตือนเลยว่าหลังจากที่ฟังเรื่องนี้แล้ว มิตรรักแฟนเพลงทั้งหลายจจะเกิดเห็นใจไทเฮาหลี่จื้อขึ้นมา และต้องเสียน้ำตาให้กับพระนาง เพราะชีวิตพระนางนั้นกว่าจะได้เป็นไทเฮานั้น ไม่ง่ายเลย เรามาดูประวัติของพระนางกันดีกว่า

ไทเฮาหลี่จื้อเกิดจากสกุลหลี่ ซึ่งตระกูลหลี่มีอิทธิพลมากมายในเมืองหลวง นอกจากมีอิทธิพลแล้ว ยังมีข้าทาสบริวาร ยังมีทหาร และยังมีอำนาจเงินมากมาย แต่ว่าเสียดายที่ว่าตระกูลนี้ เกิดมาในสมัยราชวงศ์ฉิน ก็คือในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้นั่นเอง ซึ่งปลายราชวงศ์ฉินเกิดทุรยศขึ้นอย่างมากมาย มีการแก่งแย่งชิงดี ทุกแห่งหนมีแต่ควาวุ่นวาย ดังนั้นพ่อของไทเฮาหลี่จึงอพยพมาในเมืองซานตง ซึ่งพออพยพมาเมืองซานตงแล้ว ผู้ว่าเมืองซานตงได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ พ่อของไทเฮานั้นเลยตั้งกฎขึ้นมาเลยว่า ผู้ที่จะเข้ามาในงานเลี้ยงเนี้ยะ จะมาไก่กาอาลาเล่ไม่ได้ ผู้ที่จะเข้ามาในงานต้องมีเงินบริจาคถึงหนึ่งพันเหรียญเงิน ซึ่งถ้าเกิดไม่สามารถบริจาคจำนวนหนึ่งพันเหรียญเงินได้ คุณต้องนั่งอยู่ข้างนอก แต่ถ้าใครเกิดว่าบริจาคมากกว่าหนึ่งพันเหรียญเงิน คุณมีสิทธิมานั่งข้างในได้ ซึ่งตอนนั้นหนึ่งพันเหรียญเงินถือว่าเป็นเงินที่มีมูลค่าสูงมาก แม้แต่คหบดี หรือว่าเศรษฐีไฮโซ จะจ่ายหนึ่งพันเหรียญนี้ ก็ต้องคิดก่อน ในระหว่างที่ชุลมุนวุ่นวายว่าจะมีใครเข้ามาในงานเลี้ยงได้บ้าง ก็มีเสียงตะโกนออกมาว่า หนึ่งพันเหรียญมันน้อยไป เอาไปเลยหนึ่งหมื่นเหรียญเงิน ซึ่งก็เกิดการแตกตื่นขึ้นมาเชียว เพราะในบรรดาชาวบ้านก็ต้องดูกันว่าใครล่ะ ที่เป็นเศรษฐีมือเติบขนาดนี้ เป็นไฮโซไซตี้มาจากไหน ก็เลยเพ่งไปที่ผู้พูดคนนั้น หลังจากที่ฝูงชนแหวกออก และผู้พูดคนนั้นเปล่งเสียงออกมา คนๆนั้นก็คือ หลิวปัง นั่นเอง

พอทุกคนรู้ว่าเป็นหลิวปัง ทุกคนก็พากันหัวเราะเยาะเย้ย เพราะว่าหลิวปังนั้นแต่งตัวซอมซ่อ และเงินหนึ่งหมื่นเหรียญเงินสมัยนั้น เปรียบได้กับเงินห้าแสนบาทในปัจจุบันซึ่งผู้ที่แต่งตัวซอมซ่อแบบนี้ ไม่มีสิทธิที่จะมาจ่ายแน่นอน ซึ่งหลิวปังนอกจากแต่งตัวซอมซ่อแล้ว พื้นฐานก็เป็นเพียงหัวหน้าผู้ใหญ่บ้านเล็กในจังหวัดซานตง ซึ่งทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่า คนผู้นี้ไม่มีทางมีเงินแน่นอน แต่ว่าพ่อของไทเฮาหลี่จื้อ กลับมองว่าผู้ชายคนนี้มีโหงวเฮ้งที่ดี และมีความกล้าเป็นเลิศ ในขณะที่ทุกคนไม่มีใครกล้า แต่เขากลับมีความกล้าเป็นเอกบุรุษ ก็เลยชวนให้หลิวปังเข้ามาดื่มกินในบ้าน หลังจากที่พ่อของไทเฮาหลี่ได้พูดคุยกับหลิวปัง และได้พินิจพิจารณาลักษณะของหลิวปังแล้วก็รู้เลยว่า คนๆนี้ คือ มังกรที่ซ่อนในคราบยาจก พ่อของแม่นางหลี่จื้อ จึงแนะนำให้หลิวปังรู้จักกับแม่นางหลี่จื้อ พร้อมกับยกแม่นางหลี่จื้อให้กับหลิวปังทันที ซึ่งตอนนั้นถือว่าเป็น Talk of the town เพราะว่าอยู่ดีๆพ่อของไฮโซไซตี้จะมายกลูกสาวที่เปรียบเสมือนหงษ์ให้กับกาที่จะมาจมปลักอยู่ได้ยังไง ซึ่งเรื่องนี้ แม่ของหลี่จื้อได้คัดค้านอย่างที่สุด เพราะอะไรแม่ของหลี่จื้อถึงคัดค้าน เพราะตอนนั้นหลิวปังอายุได้สี่สิบกว่า ในขณะที่แม่นางหลี่จื้ออายุยังไมถึงยี่สิบปีเลยด้วยซ้ำ การที่ภรรยาอายุต่างกับสามีมากถึงยี่สิบปีก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ข้อสองตระกูลหลี่เนี้ยะ

เป็นตระกูลเก่าแก่ที่นับหน้าถือตากันในเมืองหลวง แต่จะมาให้หลิวปังซึ่งเป็นแค่หัวหน้าผู้ใหญ่บ้านเล็กๆมาแต่งงาน มาดอองด้วยก็ถือว่าเป็นนที่น่าขายหน้า  นั้นไม่เหมาะสม ข้อสามนิสัยส่วนตัวของหลิวปังเป็นคนขี้เมา ไปนอนกับโสเภณีตลอดๆ เงินใช้จ่ายก็ไม่เหลือเก็บ แม้แต่แม่ม่ายหลิวปังก็ไม่สน ไปสะด๊วบสะด๊าบจนเกิดลูกกับแม่มายขึ้นมา พฤติกรรมที่น่ารังเกียจแบบนี้ไม่เหมาะ ที่จะเป็นเขยของตระกูลหลี่ หนี้สินก็ล้นหูล้นหัวไปหมด ถ้าจะแต่งงานแล้วมีลูกเขยแบบนี้  ก็ต้องมานั่งใช้หนี้ให้กับลูกเขยไม่จบไม่สิ้น แล้วแบบนี้จะให้มาเป็นเขยได้อย่างไร แต่ว่าพ่อของแม่นางหลี่จื้อไม่สน เพราะมองเห็นว่าในอนาคตผู้ชายคนนี้มีแววเป็นถึงฮ่องเต้ ดังนั้นก็ยกแม่นางหลี่จื้อให้แต่งอยู่ดี ตอนนั้นแม่นางหลี่จื้อก็เชื่อคำสั่งของพ่อยอมแต่งงานกับหลิวปัง แต่ว่าหลังจากแต่งงานแล้ว หลิวปังได้ประพฤติตัวดีหรือป่าว? ก็ไม่เลย หลิวปังหลังจากได้แต่งงานแล้ว ก็ยังประพฤติตัวเกกมะเหรกเกเร ยังจะไปกินเหล้าหยำเป ไม่ดูแลบ้านช่อง แถมยังไปมีสัมพันธ์สวาทอยู่กับแม่นางที่ยังเป็นม่ายอยู่บ่อยๆ ทำให้แม่นางหลี่จื้อที่อยู่บ้านต้องกัดขืนขมขื่นค่ะ อู้ย อะไรกันเนี่ยะ ได้ผ่านสามีมาทั้งทีแก่ก็แก่แล้ว แต่ว่าสามีก็ยังไม่ได้เรื่อง และแม่นางหลี่เนี้ยะ เเมื่อก่อน การแต่งตัวอย่างกับลูกคุณหนู อย่างกับลูกสาวผู้ดีแบบในรูป แต่ว่าในกฏเกณฑ์สมัยนั้นหลังจากแต่งงานกับหลิวปังแล้ว แม่นางหลี่จื้อก็ต้องมาแต่งตัวแบบเมียผู้ใหญ่บ้าน แบบเมียชาวบ้านคนหนึ่ง เพราะว่า ถือว่าเป็นคนของสามีแล้ว ไม่ใช่เป็นคนของทางบ้านเดิม ดังนั้นก็ต้องยอมทิ้งเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวยหรู แล้วก็มาอยู่ในเสื้อผ้าซอมซ่อที่บรรดาชาวบ้านร้านถิ่นเค้าใส่กัน ซึ่งแม่นางหลี่จื้อก็ไม่ได้บ่น และก็ยินยอมที่จะทำเช่นนั้น

ในขณะที่สามีไปเมาหยำเปนอกบ้าน แม่นางหลี่จื้อก็ต้องดูแลพ่อสามีที่แก่เฒ่า วันๆก็ต้องเข้าไปทำงานในไร่ กลางคืนก็ต้องมาซักผ้า ล้างจาน ทำอาหาร ให้กับพ่อแม่สามี ซึ่งนางนั้นก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด เพราะตัวเองนั้นเป็นลูกคุณหนู ไม่เคยที่จะต้องทำงานหนักมาก่อน มีบ่าวไพร่มาดูแลมากมาย แต่ตอนนี้พระนางต้องมานั่งทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่นางก็ไม่เคยบ่น แม้ว่าหลิวปังจะไม่เคยช่วยงานน้อยๆแม้แต่นิดเดียว ทำตัวแย่ๆไม่ต่างกับตอนแต่งงาน นางก็ยังทำตัวเป็นภรรยาที่แสนดี ยอมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้สามีสบายใจ

Comments

Popular Posts