รวมหลายเรื่องราวองค์ชายราชวงศ์ชิง ตอนจบ
เป่ยจื่อ หรือว่า เบซึ ถือว่าสูงมากแล้ว
การเรียนหนังสือขององค์ชายเนี่ย
องค์ชายเรียนหนังสือที่ไหน? ชาวแมนจูจริงๆแล้วเน้นขี่ม้า ยิงธนู
ซึ่งแตกต่างจากชาวฮั่น เน้นการเรียน การอ่าน การพูด เน้นเรียนโคลง กลอน กาพย์
ฉันท์ ฮ่องเต้คังซีเอาจริงๆเพิ่งจะได้เริ่มเรียนหนังสืออย่างเป็นจริงเป็นจัง
ก็เมื่อพระชนม์มายุ 16 พรรษาแล้วแต่ไม่ได้หมายความว่าก่อนหน้านั้นพระองค์ไม่มีเรียนอะไรเลย
พระองค์ก็มีเรียน มีคลาสเหมือนกัน แต่ว่าไม่ได้เป็นแบบ formal classes เหมือนในสมัยนี้ ส่วนโรงเรียนในวังดพิ่งจะมาจัดตั้งอย่างเป็นทางการ
เพิ่งจะมาจัดตั้งอย่างเป็นจริงเป็นจังก็ในสมัยพระเจ้าหย่งเจิ้น
แล้วองค์ชายเขาเรียนที่ไหนกัน? อันนี้ถือเป็นคำถามเหมือนกัน
ใครที่ดูหรูอี้จะเห็นฉากว่า หรูอี้เดินไปเดินมา
บางครั้งก็ไปเยี่ยมองค์ชายหย่งฉีที่สถานที่เรียนบ้าง
โรงเรียนขององค์ชายเราเรียกว่า ฉางฟู่ฟาง หรือ ถ้าเราเรียกเป็นภาษาอังกฤษเนี่ยะ
จะเรียกว่า south study and upper study ซึ่ง south
study and upper study อยู่ตรงไหน
ก็อยู่ใกล้ๆท้องพระโรงของฮ่องเต้เลย อันนี้แอดมินก็เอารูปมาให้ดูเลยค่ะอยู่ใกล้ๆตำหนักเฉินเฉียนกง
ซึ่งนี่ก็เป็นส่วนที่องค์ชายร่ำเรียนหนังสือก็อยู่ที่นี่
เวลาเรียนเริ่มตั้งแต่ตอนตีห้าและจบที่สี่โมงเย็นหลักสูตรก็มีการผสมผสานระหว่างอักษรแมนจู
ฮั่น มองโกล และก็มีการเรียน
บุ๋นด้วยและมีการเรียนบู๋ มีการเรียนขี่ม้า ยิงธนูต่างๆนานา ในโรงเรียนก็มีทั้งองค์ชายต่างๆ ลูกของอ๋องและลูกของขุนนางระดับสูง ใครขาดเรียนถือว่าซีเรียสมากเลย เพราะว่าคุณครูจะทำรายงานไปส่งฮ่องเต้ว่ามีใครขาดเรียนบ้าง การเรียนเรียนกี่ปีคะ?เอ่อไม่ทราบว่ามีแบบมัธยมต้น มัธยมปลาย ป.ตรี ป.โท และจบมั้ยคะ? จริงๆแล้วการเรียนขององค์ชายไม่มีวันจบค่ะ ever lasting love องค์ชายเรียนไปเรื่อยๆจนโต ต่อให้โตจนแต่งงานแล้วก็ยังเรียนต่อไปเรื่อยๆ ฮ่องเตี้ยเจี้ยนชิงเป็นตัวอย่างที่ดี พระองค์เรียนหนังสือ มามากกว่า20ปี ฮ่องเต้เต้ากวง OH MY GoD! เรียนมากกว่า 30ปี ส่วนฮ่องเต้เสียนฟงเรียนไปเรื่อยๆจนพระบิดาสวรรคต ขึ้นครองราชย์ถึงได้หยุดเรียนค่ะ ดังนั้นองค์ชายองค์ไหนที่เกิดมาเป็นองค์ชายไม่เก่งแย่ค่ะ เพราะว่าต้องเรียนตั้งแต่เกิดจนแก่ ส่วนองค์ชายองค์ไหนที่ฮ่องเต้มอบหมายให้ทำงาน พอทำงานเสร็จก็ต้องกลับไปนั่งเรียนนะค่ะ ไม่ใช่จะเดินเชิบๆกลับไปบ้านนอนไม่ได้ค่ะ ในสมัยพระเจ้าเฉียนหลงยังจำได้มั้ย ลูกชายของจางกุ้ยเฟย หย่งฉางซึ่งหย่งฉางก็ถือเป็นลูกที่ฮ่องเต้เฉียนหลงโปรดปรานคนหนึ่งเหมือนกัน แต่เนื่องจากหย่งฉางถูกรายงานว่าขาดเรียน พระอาจารย์รายงานฮ่องเต้ว่าหย่งฉางต้องไปทำภารกิจที่ฮ่องเต้มอบหมายให้ แต่ทำเสร็จแล้วก็ไม่มาเข้าเรียน ฮ่องเต้เฉียนหลงอ่านแล้วก็กริ้ว แล้วก็คำนวณว่า งานที่มอบหมายจริงๆไม่กี่ชั่วยามก็เสร็จแล้ว หย่งฉางถือเอาโอกาสนี้ skip ค่ะ ถ้าเป็นภาษาวัยรุ่นเรียกว่า แถ บอกว่า มาเรียนไม่ได้น่ะทำธุระให้สมเด็จพ่อ แต่จริงๆแล้วหล่อนธุระเสร็จตั้งนานแล้ว แต่ไม่ยอมเข้าเรียน ก็เลยโดนทำโทษเลย นี่เป็นผลของการขาดเรียนก็ถือว่าเป็นเรื่องซีเรียสมากของเหล่าองค์ชาย ซึ่งขณะนั้นหย่งฉางอายุได้ 31 พรรษาแล้วคร้า มาต่อกันที่เรื่องเงินกันบ้าง อุ๊ยตาย! การเงินถือเป็นเรื่องสำคัญ เงินมาการแสดงไป องค์ชายตั้งแต่แรกเกิดจะได้รับเงินสิบเหรียญเงิน นอกจากเงินที่ได้รับแล้ว องค์ชายได้แบ่งสันปันส่วน เป็นเสื้อผ้า เป็นอาหาร ธัญพืช ของใช้ประจำวัน ถ่าน เทียนไข หนังสัตว์ ข้าว แป้ง ขนมต่างๆ องค์ชายจะมีกฏเกณฑ์fixไว้เลยว่าองค์ชายจะได้รับอะไรบ้าง แล้วเงินสิบเหรียญเนี่ยมันเยอะมั้ยคะ? เมื่อสามร้อยปีที่แล้วมันเทียบได้เท่าไร? จริงๆมันเทียบกันยากเมื่อสามร้อยปีที่แล้วมันประมาณเท่าไรแต่ว่าถ้าเป็นบัณฑิตจนๆมาสอบที่เมืองหลวงสามารถใช้เงินแค่สามเหรียญเงินก็อยู่ได้แบบพอประมาณตัว อยู่แบบพอเพียง ใช้สามเหรียญเงิน ส่วนเงินเดือนผู้ว่าขนาดกลางได้ประมาณหกสิบเหรียญ ดังนั้นแอดมินเลยประมาณว่าสิบเหรียญเงินน่าจะเท่ากับหนึ่งหมื่นบาทไทยในยุคปัจจุบัน ดังนั้นองค์ชายตั้งแต่เกิดมาได้รับสิบเหรียญหรือหนึ่งหมื่นบาทไทยตั้งแต่กำเนิดเลยน่ะ ก็ถือว่าเยอะพอสมควร เพราะว่ารายจ่ายค่อนข้างน้อย เพราะทุกอย่างได้รับแบ่งสันปันส่วนจากกรมวังอยู่แล้ว และเงินเดือนก็ได้รับอัพเกรดขึ้นหลังจากที่องค์ชายเข้าโรงเรียน โดยเปลี่ยนจากสิบเหรียญเป็นห้าสิบเหรียญต่อเดือน โดยห้าสิบเหรียญก็ประมาณห้าหมื่นกว่าบาทก็เยอะพอสมควร แต่ว่าเงินจะได้เยอะจริงๆก็หลังแต่งงานค่ะ เพราะหลังแต่งงานถือว่าอัพเกรดsuperอัพเลย เพราะจากเงินเดือนห้าสิบเหรียญเป็นห้าร้อยเหรียญต่อเดือน ซึ่งก็ประมาณห้าแสนบาท และลูกขององค์ชายก็ได้เงินเดือนเหมือนกัน ประมาณสองร้อยเหรียญ หรือ สองแสนบาท ส่วนลูกของลูกองค์ชายหรือว่าหลานจะได้หนึ่งร้อยเหรียญหรือว่าหนึ่งแสนบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้จริงๆจะว่าไปก็เยอะมาก เพราะว่าองค์ชายต่อให้มีขันที นางกำนัล สตาฟรับใช้มากมาย ขันที นางกำนัลก็เอาเงินเดือนจากกรมวัง องค์ชายไม่ได้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องนุ่งห่ม ของกินของใช้ ปากกา พู่กัน กรมวังก็เป็นคนส่งให้มา จริงๆถ้าจะเก็บเงินแล้ว องค์ชายก็เก็บเงินใช้ได้อยู่เหมือนกัน แต่ว่าเงินที่เราดูนั้นจริงๆแล้วเป็นเงินที่ให้ในตอนต้นรัชกาล เพราะว่าตั้งแต่ยุคฮ่องเต้เฉียนหลงเป็นต้นไป พระญาติพระวงศ์เริ่มเยอะ เงินที่ต้องจ่ายไม่ไหว พระคลังร่อยหรอ ดังนั้นปี1900 กว่าๆองค์ชายส่วนใหญ่ได้เพียงหนึ่งร้อยเหรียญต่อเดือน หลังจากแต่งงานแล้ว หรือประมาณหนึ่งแสนบาท
เอาล่ะ เป็นยังไงล่ะหลังจากฟังเรื่องขององค์ชายจบแล้ว ใครมีคำถามอะไรข้องใจคอมเมนท์ลงมาข้างล่างได้เลย ใครมีองค์ชายคนไหนชอบใจก็อย่าลืมบอกแอดมินล่ะ ส่วนแอดมินน่ะก็หมายตาองค์ชายไว้หลายคนเช่นกัน อ้าว แล้วองค์ชายทำอะไรวันๆบ้างเห็นในซีรี่ยส์วันๆเอาแต่เดินไปเดินมา องค์ชายก็ต้องทำงานเหมือนกันน่ะเธอ ฮ่องเต้ก็จะให้จัดอยู่ตามกรมกองต่างๆ องค์ชายต้องทำหน้าที่อีกอย่างก็คือ เป็นตัวแทนฮ่องเต้สักการะบูชาในพิธีสำคัญๆ ต้องดูแลกันสร้างสุสาน บางครั้งก็ต้องนอนเฝ้าสุสานเลยเป็นเวลาหลายๆปี บางครั้งเวลามีงานแต่งงานองค์หญิง งานมงคล หรืองานศพพระญาติสำคัญๆเนี่ย ฮ่องเต้ก็จะ assign องค์ชายเหล่านี้ไปทำงานหน้าที่นี้ บางครั้งองค์ชายก็ต้องไปส่งพระศพ บางครั้งองค์ชายก็ต้องไปส่งองค์หญิงไปแต่งงานกับชาวมองโกล บางครั้งต้องไปทำงานหายไปห้าถึงหกปีก็มี ดังนั้นงานขององค์ชายถือว่าเยอะไม่ได้มาว่างๆเหมือนที่เราเห็นในซีรี่ยส์นะจ๊ะ
เอาล่ะ เราก็จบเรื่ององค์ชายแต่เพียงเท่านี้ ใครมีคำถามอะไรคอมเม้นท์ไว้ข้างล่างเลย แล้วใครชอบองค์ชายคนไหน แล้วคิดว่าเป็นสามีแห่งขาติ บอกแอดมินมาด้วยจ๊ะ เราจะได้ฟินไปด้วยกัน
Comments
Post a Comment