หมอหญิงหยุนเสียนตัวจริง กับ เรื่องของแพทย์สตรีคนแรกในประเทศไทย ตอนจบ
ขณะนั้นยังมีสมเด็จย่าและยังมีสมเด็จแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่ สมเด็จย่าตอนนั้นคือ ไท่หองไทเฮาจาง และสมเด็จแม่ก็คือ ไทเฮาซุน ซึ่งไทเฮาซุนก็ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ไม่ได้เดดสะมอเล่อะไร พระนางทั้สองได้ว่าราชการแทนฮ่องเต้เจิ่นโถวจนฮ่องเต้เจิ่นโถวอายุครบ 15 ปี ดังนั้นขอเคลียร์ก่อน ในละครที่ฮ่องเต้เจิ่นโถวบอกว่าไทเฮาซุนเป็นคนฆ่าพระมารดาแท้ๆแต่ความเป็นจริงก็คือว่าพระมารดาแท้ๆของพระองค์ก็คือไทเฮาซุนในละครนี่แหละ ยังไม่ได้ไปฆ่าใครนะค่ะเข้าใจตรงกันตรงนี้ และอย่างที่กล่าวไปว่าตอนต้นรัชกาลเนี่ยะสมเด็จย่าไทเฮาจางเป็นผู้บริหาราชการแทนโดยมีแม่แท้ๆคอยดูอยู่ห่างๆไม่มีแม่เลี้ยงใจร้ายอะไรทั้งนั้นไม่ต้องมโน ส่วนขันทีหวังเจิ้นคนสนิทจริงๆแล้วช่วงแรกไม่ได้มีบทบาทอะไรเลย เพราะตอนที่ไทหองไทเฮาจางว่าราชการอยู่เนี่ยก็มีผู้ช่วยตระกูลหยางทั้งสามคอยกดดันอยู่ ดังนั้นช่วงแรกหวังเจิ้นไม่มีบทบาทสำคัญอะไรไม่มีซีน จนอำนาจมาอยู่ที่ฮ่องเต้ตอนที่ไทเฮาจางสิ้นพระชนม์ไป พระองค์ก็เลยขึ้นว่าราชการด้วยตัวพระองค์เอง ตอนที่พระองค์อายุได้ 15 พรรษาก็ตอนนั้นแหละที่พระองค์เชื่อฟังขันทีหวังเจิ้นทุกอย่าง แล้วตอนที่พระองค์อายุ 21 ใช่มั้ยฮะ พระองค์ก็ตัดสินใจไปสู้กับมองโกล โดยมีขันทีคนนี้แหละค่ะคอยยุยงส่งเสริมสนับสนุนเหลือเกิน แต่ตอนนั้นเปรียบได้กับตาบาปเชียวแหละ เพราะตอนนั้นฮ่องเต้เจิ่นโถวยกพลไปกว่า 5 ล้าน
ขณะที่มองโกลมีพลแค่สองหมื่น แล้วยังแพ้เลยคร้า ดูสิห้าล้านกับสองหมื่นแล้วยังแพ้ พร้อมกับโดนมองโกลจับไปเป็นตัวประกันอีก โอ๊ยอะไรจะซวยซ้ำซวยซาก เอาจริงๆตอนที่พระองค์โดนจับไปเป็นตัวประกันเนี่ยะ ฮ่องเต้ก็อยู่อย่างสวยๆเก๋ๆไม่ได้โดนทรมาทรกรรมอะไรแบบในละครหรอกค่ะ และมองโกลก็เอาพระองค์ไปดองไว้แค่หนึ่งปีแล้วส่งคืน แล้วที่ส่งคืนเพราะอะไรรู้มั้ย เพราะพระองค์ไม่มีประโยชน์แล้วไง เพราะระหว่างหนึ่งปีที่พระองค์โดนจับไปเป็นตัวประกันเนี่ย น้องชายของพระองค์อย่างในเรื่องก็คือ อ๋องเฉิน อย่างในรูปที่เห็นหล่อใช่มั้ยคะ? น่ารักค่ะ ซึ่งก็อ๋องเฉินขึ้นครองราชย์แทนเป็นฮ่องเต้จิ่นไท้ และเพื่อให้ความสำคัญของฮ่องเต้ที่โดนจับลดน้อยลง พระองค์เลยเปลี่ยนพระยศของฮ่องเจ้จิ่นโถว เป็นไท่ซ่านหวัง หรืออดีตฮ่องเต้ที่ retiredไปแล้วเพื่อลดความสำคัญของฮ่องเต้ที่มองโกลจะจับไปต่อรองอะไรได้ ดังนั้นพอมองโกลเล็งเห็นว่าฮ่องเต้เจิ่นโถวไม่มียศไม่มีศักดิ์อะไรอีกแล้วก็เลยปล่อยกลับประเทศค่ะ หลังจากที่ฮ่องเต้เจิ่นโถวมาถึงภูมิลำเนาบ้านเกิด
ฮ่องเต้จิ่นไท้ก็เสวยด้วยการจับตัวไว้เลยค่ะ และก็กักตัวเป็น house a rest ถึง 7 ปี ระหว่าง 7 ปีก็มีเวรยามดูแลอย่างแน่นหมาเพราะว่าไม่ต้องการให้ฮ่องเต้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง ซึ่งจะแตกต่างจากในซีรีย์ เพราะในซีรี่ย์จะเห็นว่าฮ่องเต้เจิ่นโถวและฮ่องเต้จิ่นไท้เป็นพี่น้องที่รักกันซะเหลือเกิน ในขณะที่ฮ่องเต้จิ่นไท้จะสิ้นพระชนม์ ฮ่องเต้เจิ่นโถวก็ยังทำเป็นอิดๆออดๆในการรับครองราชย์แทน แต่ว่าความจริงแล้วเนี่ยะ ฮ่องเต้จิ่นโถวอยากจะกลับมาครองราชย์อยู่ตลอดเวลา พอฮ่องเต้จิ่นไท้ประชวรขึ้นมาก็เลยก่อหวอดก่อการปฏิวัติขึ้นมา ฮ่องเต้จิ่นไท้ก็เลยโดนdemotedไปเป็นอ๋องเฉินเหมือนเดิมและก็โดนกักบริเวณใน house a rest จนสิ้นพระชนม์ ส่วนบรรดาพระสนมของฮ่องเต้จิ่นไท้ก็โดนสั่งให้ฆ่าตัวตายกันระนาวๆๆๆๆกันเลยค่ะ และอีกเรื่องที่แตกต่างจากในละครคือ ในละครเนี่ยฮ่องเต้จิ่นโถวดูเหมือนไม่ค่อยมีบุตรใช่มั้ยค่ะ ไทเฮาก็เหมือนจะบูลลี่ๆๆๆพระองค์อยู่ตลอดเวลาว่า ฮ่องเต้ไม่มีบุตร น่าจะต้องรีบมีบุตรกับฮองเฮาได้แล้ว แต่ความจริงฮ่องเต้มีบุตรมากมายทั้งลูกชายลูกหญิงถึง 15 คน ดังนั้น ฮ่องเต้คุณพี่วอลเลซเนี่ยะถือว่าเตะปี๊บดังนะค่ะ
อ่ะเราพูดถึงหมอหญิงหยุนเสียนในจีนแล้ว
เรามาพูดถึงของไทยกันบ้างดีกว่า ก็คืออ ศาสตราจารย์แพทย์หญิงหม่อมราชวงศ์ส่งศรี
เกตุสิงห์ ถือว่าเป็นสตรีคนสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย เลยน่ะเธอ เพราะเป็นสตรีไทยรุ่นแรกที่ได้เรียนจบในมหาวิทยาลัย
เป็นหนึ่งในแพทย์หญิงไทยสามคนแรกที่จบแพทยศาสตร์บัณฑิตจากมจุฬาลงกรณ์หาวิทยาลัย ในประเทศไทยปี2475 หรือเมื่อ 90 ปีที่แล้วเนี่ยคุณหญิงซ่งศรี
ราชสกุลเดิมมาจากราชสกุลเกษมศรี เป็นธิดาในหม่อมเจ้าปฏิพัธท์
เกษมศรีกับหม่อมเนื่อง เป็นหนึ่งในเจ็ดนิสิตหญิงรุ่นแรก ปี 2472 เมื่อสำเร็จการศึกษาคุณหญิงก็ได้ทุนไปเรียนสูตินารีเวชต่อที่เยอรมันจนจบด็อกเตอร์
งานสำคัญของคุณหญิง คือว่า ดูแลให้แพทย์ที่อยู่ในการควบคุมดูแลของคุณหญิงเขียนรายงานให้ครบถ้วนสมบูรณืความ
ทำให้แผนกสูตินารีเวชเป็นแผนกแรกที่มีรายงานผ็ป่วยที่สมบูรณ์ที่สุดก่อนที่จะมีหน่วยเวชระเบียนกลางนะค่ะทุกคน
ในปี2511 อาจารย์หมอซ่งศรีก็เป็นหัวหน้าแพทย์ผ่าตัดพะเนตรให้กับพระเจ้าบรมวงศืเธอพระองค์เจ้าเหมวดี
ธิดาองค์สุดท้ายของในหลวงรัชกาลที่5 คุณหญิงซ่งศรีถึงแก่อนิจกรรมในปี2552
อายุรวม 100 ปีกับ2 เดือน
ก็คือการที่แอดมินเอาเรื่องของคุณหญิงซ่งศรีมาพูดก็เพราะว่าการแพทย์เปิดให้ผู้หญิงเข้ามาศึกษาในประเทศค่อนข้างที่จะแตกต่างกับประเทศอื่นๆ
คือประเทศอเมริกาหรือประเทศอังกฤษเนี่ยผู้หญิงที่จะเข้ามาเรียนได้ต้องfightและ freedom play from Thailand เพื่อให้สิทธิสตรีเพื่อให้ผู้ชายได้เห็นและมีสิทธิที่จะเล่าเรียนเหมือนกับผู้ชาย
ได้รับพลังที่จะสามารถมีสิทธิเลือกตั้งได้เฉกเช่นผู้ชาย แต่เมืองไทยนี่ถือเป็นเมืองที่โชคดีมากเพราะการที่เปิดให้ผู้หญิงเข้ามารับการศึกษาไทยเนี่ยะ
แบบสหครั้งแรกเมื่อปี2470
ครานั้นไม่ได้เกิดจากการเลือกตั้งเรียกร้องสิทธิสตรีอะไรเลย ผู้ริเริ่มโครงการคือ
หม่อมเจ้าพูนศรี เกษมศรี โดยมีหม่อมเจ้าจักรพงษ์สรรหานักเรียนหญิงมาทดลองลงเรียน 7
คนค่ะ ซึ่งเมื่อปี2470
นั้นประเทศไทยยังอยู่ในระบบสมบูรณาญาสิทธิราษฎร์
นักเรียนหยิงรุ่นแรกที่จบการศึกษามีอยู่ 6 คน คือ นางสาวฉลอง
ไกรจิตติ ,นางสาวชด นิธิประภา, นางสาวเต็มดวงบุนนาค,นางสาวไทเชียง อรุณรักษ์,
หม่อมราชวงศ์หญิงนันทา ทองแถม และคนสุดท้ายคือหม่อมราชวงศ์หญิงซ่งศรี เกษมศรี
เอาล่ะวันนี้แอดมินก็ขอจบเทปนี้แต่เพียงเท่านี้
เราก็ได้เรียนรู้เรื่องของหมอหญิงหยุนเสียนว่าชีวิตจริงไม่ได้โลดโผนโจนทะยานเหมือนในละคร
และเราก็ได้รู้ว่าสิทธิสตรีของไทยนั้นไม่ได้เกิดจากการเรียกร้องอะไรเลยในขั้นแรกที่จะเรียนมหาวิทยาลัย
เป็นความคิดของหม่อมเจ้าพูนศรี เกษม ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณท่านชายมากไม่อย่างนั้นผู้หญิงก็อาจจะยังไม่ได้เรียนต่อนะค่ะ
วันนี้ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้คอมเม้นท์ข้างล่างค่ะ
Comments
Post a Comment