จักรพรรดินีองค์สุดท้ายของจีน ฮองเฮาหว่านหรง ตอนแรก ชีวิตก่อนเข้าวัง



วันนี้แอดมินจะเอาเรื่องของฮองเฮาองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิง คือ ฮองเฮาหว่านหรง จริงๆแล้วเรื่องของฮองเฮาหว่านหรงมีคนพูดถึงมากมายใน
youtubeนี่ละ แต่ว่าแอดมินเพิ่งได้ข้อมูลใหม่ซึ่งข้อมูลนนี้ให้เรื่องinsight มากมายของพระนาง จนต้องมาพูดในหลายๆตอน แต่ในตอนนี้แอดมินจะมาพูดถึงเรื่องพระราชประวัติของพระนาง พระบิดาพระมารดาของพระนางเป็นใคร แล้วกระบวนการคัดเลือกฮองเฮาเป็นอย่างไร มาลองฟังกันค่ะ

   ฮองเฮาหว่านหรงพระนามเดิม คือ โกบุโร หว่านหรง แต่แอดจะเรียกสั้นๆว่า หว่านหรงก็แล้วกัน หว่านหรง ภาษาจีนแปลว่า โฉมงาม โฉมสะคราญ พระนางเกิดปีกวางสูที่32 หรือถ้าจะเอาง่ายๆก็คือคริสตศักราช1906 บรรพบุรุษมีคุณงามความดีมากมาย บิดาของพระนางชื่อ หรงหยวน เป็นผู้อำนวยการกองยศยูนาน แต่หลังจากที่พระนางได้รับการแต่งตั้ง ฮ่องเต้ปูยีก็เลื่อนยศเป็นผู้ช่วยในกรมวัง และก็น่าเสียดาย เพราะหลังจากที่ฮ่องเต้ปูยีโดนขับออกจากพระราชวังต้องห้าม หรงหยวนก็ต้องสูญเสียยศไป และก็ถูกขังในประเทศรัสเซียถึงห้าปี แล้วพอถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว ก็เสียชีวิตในปีถัดมา นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องเศร้าของฮองเฮา ส่วนภรรยาของหลงหยวนมีทั้งหมดสี่คน คนแรกเป็นภรรยาเอก เป็นชาวมองโกล ไม่มีโอรสธิดา คนที่สองชื่อ เฮงเซียง เป็นหลานของเจ้าชายเล็กๆในสกุล ซึ่งพระนางเฮงเซียงเนี่ยละเป็นผู้ให้กำเนิดฮองเฮาหว่านหรงและก็ยังมีบุตรชายที่ชื่อว่า หลุนหลิงด้วย

ดังนั้นหว่านหรงจึงพี่ชายชื่อว่า หลุนหลิง ส่วนภรรยาคนที่สามก็เป็นหญิงสูงศักดิ์ เพราะเป็นลูกสาวของเจ้าชายลุ่ย ส่วนภรรยาคนที่สี่ชื่อ เฮงซิ่น ก็เป็นธิดาของเจ้าชายเล็กๆเช่นกัน แต่ก็อย่างว่าละเนอะ พระมารดาของฮองเฮาหว่านหรงก็ถือว่ามียศศักดิ์เหนือใคร ตัดมาที่ฮ่องเต้ปูยี ตอนนั้นฮ่องเต้ปูยีมีพระชันษาครบสิบหกปี องค์ชายไสเฟิงพระบิดาและเหล่าขุนนางอาวุโสทั้งฝ่ายในและฝ่ายหน้าต่างประชุมกันและลงความเห็นว่า ฮ่องเต้เป็นผู้ใหญ่แล้วควรที่จะมีฮองเฮาสักที ควรจะมีการอภิเษกสมรสอย่างเป็นทางการ แต่ว่าคุณสมบัติของฮองเฮาควรจะมีสองประการ คือ อย่างแรกต้องเป็นหญิงสาวสูงศักดิ์ที่มาจากเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงของมองโกล ถ้าไม่เป็นเชื้อพระวงศ์ ต้องสืบเชื้อสายมาจากขุนนางมองโกล หลังจากที่ประกาศเลือกฮองเฮาออกไปลูกของเจ้าหญิงต่างๆ ลูกของขุนนางชั้นสูงต่างๆก็ไหลผ่ามาที่พระราชวังดุจแม่น้ำฮวงโหท่วมหัวท่วมหูไปหมด เราก็มีรูปของจักรพรรดิปูยีตอนอายุ14ปีก่อนที่จะทรงอภิเษกสมรสมาให้ดูด้วย เป็นไง จริงๆหน้าตาก็น่ารักจิ้มลิ้มพอสมควร หลังจากที่ประชุมกันและได้มีการคัดเลือกcandidateไม่ต่างจากthe face ก็มีสาวงามผู้ผ่านการคัดลเอกรอบauditionมา4คน แต่ว่าการคัดเลือกรอบแรกไม่มีชื่อของหว่านหรง แต่กลับมีชื่อของเหวินซิ่ว ซึ่งเป็นสนมซูเฟยในอนาคต เรื่องของเหวินซิ่วผู้พูดเพิ่งพูดออกไปเมื่อเทปที่แล้วคลิกตามลิ้งค์ข้างล่างแล้วไปตามฟังกันได้เลย แต่ว่าก็เกิดแรงต่อต้านจากฝ่ายใน นำโดยไทเฟยหยูและไทเฟยจิ้น ซึ่งไทเฟยหยูเป็นคนที่ต้องการให้เหวินซิ่วขึ้นเป็นฮองเฮา ส่วนไทเฟยจิ้นคือคนที่ต้องการให้หว่านหรงขึ้นเป็นฮองเฮา และเนื่องจากว่าหว่านหรงไม่ได้ผ่านรอบauditionแรก ไม่มีชื่อในสี่คนสุดท้าย ไทเฮาจิ้นก็โกรธมากฟาดหัวฟาดงาใหญ่เลย ก็เลยทำให้องค์ชายไสเฟยต้องพยายามประนีประนอม ทำให้ตอนนั้นพิธีคัดเลือกฮองเฮาต้องหยุดไปเลยถึง8เดือน เพราะไทเฮาทั้งสองได้ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน และไม่พอหลังจากตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อกันแล้วนี่ก็ form party ออกมา ไทเฟยหยูก็from เหวินซิ่วparty ไทเฟยจิ้นก็fromหว่านหรงparty ทั้งสองฝ่ายกัดกัน เพื่อจะให้คนของตัวเองขขึ้นเป็นฮองเฮาก็เกิดการประชุมแล้วประชุมเล่าประชุมอีก ฮ่องเต้จะอายุ17แล้วก็ยังไม่ได้อภิเษกสมรส จนหวยมาออกว่าโอเคการคัดเลือกฮองเฮาตอนแรกมีอยู่สี่คน ตอนนี้เพิ่มเป็นเจ็ด แล้วในเจ็ดนั้นมีหว่านหรงรวมอยู่ด้วย ทำให้ไทเฟยจินพอพระทัย แต่ถึงว่ามีถึงเจ็ดคนแล้ว แต่ว่าไทเฟยทั้งสองก็ต้องการsupportคนของตัวเอง จนถึงที่สุดแล้ว ก็ถือว่าให้ฮ่องเต้ปูยีเป็นคนเลือกก็แล้วกัน
ก็เลยเป็นการเลือกโดยมีการให้พระองค์ใช้ดินสอวงลงไปในรูปผู้หญิงที่ตัวเองต้องการอย่างที่เรื่องใน
the last emperor ได้ทำเอาไว้ คราแรกฮ่องเต้ปูยีวงที่หน้าของเหวินซิ่วแต่ว่าไทเฟยจินคัดค้านอย่างหนัก และก็บอกว่าเหวินซิ่วยังไม่สวยพอ ซึ่งถ้าดูตามรูปก็เป็นจริงเพราะว่าหว่านหรงนั้นมีพระสิริแมงดงามมากกว่าเหวินซิ่ว และอีกอย่างพระนางหว่านหรงก็อายุมากกว่าเหวินซิ่วหลายปีด้วย แต่ว่าพอฮ่องเต้ปูยีไปcircleรูปของเว่านหรง ไทเฟยหยูก็ไม่พอใจ ไทเฟยหยูบอกว่าในเมื่อcicleรูปของเหวินซิ่วแล้ว และเหวินซิ่วก็ไม่มีสิทธิที่จะไปแต่งงานกับสามัญชนได้อีก ดังนั้นยังไงพระองค์ก็ต้องรับเหวินซิ่ว พระเจ้าปูยีเลยตัดสินว่าเอาอย่างงี้แล้วกัน ให้หว่านหรงเป็นฮองเฮา ส่วนเหวินซิ่วเป็นสนมเอกยศเฟย ก็เลยทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องยอมประนีประนอมตามที่ฮ่องเต้ปูยีตัดสิน ซึ่งตอนแรกฮ่องเต้ปูยีก็ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่หรอก อีหลักอีเหลื่อ เพราะปูยีได้รับการอบรมตามแบบตะวันตกโดยคุณครูฝรั่งตามแบบในรูป ดังนั้นปูยีก็ต้องการอยากจะมีฮองเฮาแค่คนเดียวเพราะว่าประเทศที่มีอารยะเขาก็มีฮองเฮาแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ ส่วนการมีเมียน้อยถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไทเฟยจินได้ยินดังนั้นก็กรี๊ดแตกแล้วก็ร้องไห้ บอกปูยีว่าทำเช่นนี้ก็ไม่ต่างกับการอกกตัญญูต่อคำสอนของบรรพชน ถือว่าทำให้ เหลียวซุง เหลียวซุงเสียใจ ดังนั้นปูยีก็เลยต้องรับเหวินซิ่วขึ้นมาเป็นนางสนมอีก

 วันถัดมาก็มีราชโองการประกาศออกไปว่า คนที่จะมาเป็นฮองเฮาราชวงศ์ชิงคนถัดไปก็คือ หว่านหรง และสนมเอกคนต่อไปก็คือ เหวินซิ่ว บิดาฮองเฮาหรงหยวนหลังจากได้รับราชโองการแล้วก็ดีใจมากรีบวิ่งเข้าวังมาเพื่อมาขอบพระทัยฮ่องเต้ปูยี ฮ่องเต้ปูยีก็เลยประกาศพระบรมราชโองการมาอีกฉบับหนึ่งโดยการพระราชทานหมวกขุนนางให้กับหรงหยวนแถมยังให้สมญานามเป็นบอดี้การ์ด แล้วก็ให้สิทธิหรงหยวนสามารถขี่ม้าในพระราชฐานได้ นี่ก็ถือเป็นเกียรติสูงสุดของพระราชบิดาฮองเฮา แล้วก็มีพระราชโองการฉบับที่สาม ให้เตรียมงานแต่งโดยให้สร้างราชยานรถศึกอย่างหรูหราหมาเห่ามณีศรีมณีเด้งเลยเทียวล่ะ ทุกอย่างต้องประณีตหมดจดเว่อวังอลังการ วันวานหว่านหรงยังเป็นเพียงแค่ลูกสาวผู้ดี แต่วันนี้เธอคือหงส์เคียงคู่พญามังกร เพื่อของเธอคือ เลดี้ชู ยังเคยให้สัมภาษณ์เลยว่า เมื่อก่อนที่หว่านหรงยังเป็นเด็กเนี่ยะก็เคยไปเที่ยวเล่นตามถนน บางครั้งก็มีการไปดูหนังกลางแปลง หนังฝรั่ง ส่วนตัวหว่านหรงและเพื่อนเองก็เรียนอยู่ในโรงเรียนที่มีมิชชันนารีที่มีคุณแม่อธิการสั่งสอน ดังนั้นหว่านหรงพอจะมีความรู้เรื่องภาษาอังกฤษบ้าง และพอมีความคิดแบบตะวันตก ไม่ใช่แบบจีนจ๋าๆเหมือนสมัยก่อน แล้วก็ถึงวันดีเดย์ วันที่ 30 พฤศจิกายน ปี 1922 หว่านหรงเข้าวัง ปูยีก็ได้แต่งตั้งหว่านหรงขึ้นเป็นฮองเฮาอย่างเป็นทางการ โดยมอบตราประทับหนังสือแต่งตั้ง และเครื่องเกียรติยศของฮองเฮาอย่างเต็มสตรีม บัดนี้หว่านหรงได้ขึ้นมาเป็นหงส์เคียงข้างมังกรอย่างที่ผู้ใหญ่ฝ่ายหน้าและฝ่ายในต้องการ แม่ของแผ่นดินมาแล้วค่ะ

            คืนวันแต่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั่งอยู่บน้ตียงมังกร ทุกอย่างปูด้วยผ้าสีแดงสดใส ปูยีกับหว่านหรงเคียงคู่กันเหมื่อมังกรรัดห่วง แต่ว่าอนิจจาฮ่องเต้ของเราหนุ่มของเรามันไม่ชินไง และก็ไม่ได้เจอหญิงสาวมานาน ก็เลยหนีหว่านหลงออกไปในคืนแต่งงานค่ะ ซึ่งข่าวที่ฮ่องเต้หนีฮองเฮาออกไปในคืนวันแต่งงานก็แพร่สะพัดออกไปแห่ลุกลามไปเหมือนไฟลามทุ่ง บางคนก็ลือว่าฮองเฮาไม่ใส่ใจฮ่องเต้ พอฮ่องเต้ปีนขึ้นมาบนเตียง ฮองเฮาก็ผลักออก เพราะไม่พอใจที่ปูยีอนุญาตให้สนมเหวินซิ่วไม่ต้องคุกเข่าคำนับฮองเฮา ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องจริงมั้ย? อันนี้ก็เป็นเรื่องจริง เพราะปูยีมีความคิดตะวันตก ก็เลยออกพระราชโองการว่าเวลาที่สนมเหวินซิ่วเข้ามาเข้าเฝ้าฮองเฮาไม่ต้องคุกเข่าอย่างประเพณีโบราณอีกแล้ว แค่ใช้โค้งคำนับก็พอ ซึ่งอันนี้ก็สร้างความไม่พอใจให้ฮองเฮามาก อันนี้แอดมินคิดว่าน่าจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง แต่ความไม่พอใจเนี่ยไม่เกี่ยวอะไรกับการไม่คำนับฮองเฮาหรอกค่ะ มันไม่พอใจที่สนมขึ้นมาเนี่ยแหละ เพราะว่าฮองเฮาหว่านหรงได้รับการอบรมอย่างตะวันตก ดังนั้นนางก็คิดว่าต้องมีผัวเดียวเยเดียว อยู่ๆก็มามีสนมโผล่ขึ้นมาดังนั้นพระนางก็ไม่โปรดเหวินซิ่วตั้งแต่แรกเห็น และเพราะสาเหตุนั้นทำให้ความสัมพันธ์ของฮองเฮากับเหวินซิ่วก็เหมือนน้ำกับน้ำมันที่จะอยู่ด้วยกันไม่ได้เลย ต่างคนต่างคิดวิธีที่จะทำร้ายกันคอยเฉือดเฉือนแย่งผู้ที่มีอยู่คนเดียวในวัง เราจะมาดูในตอนที่2ว่าพระนางหว่านหรงกับสนมซูเฟยแข่งชิงดีชิงเด่นกันอย่างไร รับรองเลยว่าสนุกยิ่งกว่าละครหลังข่าวเลยล่ะ

Comments

Popular Posts