ข้อเท็จจริงของไทเฮาหลี่ กับการลงโทษหมูข้างส้วมที่น่าสะพรึง ตอนจบ

แล้วหลิวปังล่ะ เคยทำดีอะไรหรือป่าว? ไม่เลย ในตอนนั้นหลิวปังได้รับมอบหมายจากทางการให้ดูแลนักโทษ หลิวปังก็ไม่รู้จักดูแลนักโทษให้ดีปล่อยให้นักโทษหนีไป เพราะตัวเองก็เมาหยำเป หลังจากนักโทษหนีไปแล้วตัวเองก็กลัวความผิดไง อุ๊ย ฉันจะทำอย่างไร? เพราะว่านักโทษเนี่ยะ เป็นนักโทษสำคัญของทางการ เพราะว่าถ้าทางการรู้ว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมนักโทษของทางการได้ และนักโทษคนนี้หนีไปแล้ว ตัวเองต้องโดนลงโทษหนักแน่นอน หลิวปังทำยังไง? หลิวปังก็เลยหนีตามนักโทษไปเลย ซึ่งคนที่ซวยก็คือ แม่นางหลี่จื้อ และพ่อแม่ของหลิวปังนั่นเอง เพราะทางการได้จับแม่นางหลี่จื้อ กับพ่อแม่หลิวปังไปขังไว้ในคุกหลวง พร้อมกับโดนลงโทษอย่างหนัก แม่นางหลี่จื้อที่ไม่รู้อโหน่อิเหน่ต้องมารับโทษแทนสามี ซึ่งในตอนนั้นนอกจากจะโดนลงโทษอย่างหนักแล้ว ยังโดนผู้คุมทำอนาจารทางเพศอยู่หลายครั้ง หลังจากที่อยู่ในคุกเป็นเวลาปีหนึ่ง ทงาการก็ได้ปล่อยตัวออกมา เพราะทางการยังไงก็ตามตัวหลิวปังไม่ได้ นางก็ออกมาจากคุก แต่ก็ยังไมเคยโทษสามี ยังอดทนและรักสามี เทิดทูนไว้เหนือใครไม่เปลี่ยน
พอหลิวปังได้ข่าวว่าเมียและพ่อแม่ได้ออกมาจากคุกแล้ว ก็รีบมาหา มาดูแล แต่ว่ามาดูแลได้ไม่เท่าไหร่ หลิวปังก็ออกไปทำงานใหญ่ เพราะว่าหลิวปังได้ออกไปรวบรวมเหล่าสมาชิกเพื่อทั้งหลาย เพื่อทำการก่อกบฏสู้กับราชวงศ์ฉิน ทิ้งให้แม่นางหลี่จื้อต้องดูแลลูกทั้งสอง กับพ่อแม่ที่แก่เฒ่าของตัวเองถึงสามปีเต็มด้วยกัน แต่หลี่จื้อก็ไม่บ่นตั้งหน้าตั้งตารอสามีเพื่อจะได้มาอยู่ด้วยกัน และคิดว่าถ้าสามีทำการนี้สำเร็จยังไงก็ต้องมารับนาง และลูกทั้งสองคน

สามปีผ่านไปไวเหมือนโกหก หลิวปังก็ก่อการสำเร็จจริงๆและแต่งตั้งตัวเองขึ้นเป็นอ๋องในราชวงศ์ฮั่น ในขณะที่ หลี่จื้อได้ข่าวว่าสามีที่ตัวเองตั้งหน้าตั้งตารอ และเทิดทูนที่สุดเนี่ยะ ได้ชัยชนะเลิศ และแต่งตั้งตัวเองเป็นอ๋อง นางคิดว่าคราวนี้ล่ะ นางจะได้เจอหน้าสามีสักที อีกไม่กี่วันสามีคงส่งกองทหารที่มีเกียรติ พร้อมกับธงประดับเกียรติมารับนางไปอยู่ด้วยกัน แต่พระนางก็ตั้งตารอแล้วรออีก หนึ่งอาทิตย์ก็แล้ว สามอาทิตย์ก็แล้ว หนึ่งปีก็แล้ว หลิวปังก็ยังไม่ได้ส่งคนมา ผู้ฟังอาจจะคิดว่าแล้วในตอนนั้นหลิวปังทำอะไรล่ะ? ทั้งที่มีเวลาเยอะแยะ แถมตอนนั้นที่พักของหลิวปังกับภรรยาห่างกันแค่สองร้อยกิโลเท่านั้นเอง

สาเหตุก็คือว่าในใจหลิวปังตอนนั้นไม่มีหลี่จื้ออีกแล้ว  หญิงที่หลิวปังรักที่สุดก็คือสาวงามวัยสิบห้า ก็คือ     ฉีฟู่เหริน หญิงที่หลิวปังรักมากและหลงที่สุดก็คือสาวงามวัยสิบแปด นามว่า ฉีฟู่เหริน หลิวปังตอนนั้นอายุมากกว่าห้าสิบ เวลาออกรบเกือบทุกครั้ง คนที่ติดตามหลิวปังทุกครั้งก็คือ สนมนางนี้นี่เอง ในขณะนั้นก็มีขุนศึกอีกคนนึง ที่มีอำนาจไม่แพ้หลิวปัง ก็คือขุนศึกเซี่ยงหยู ที่ต้องการที่จะมีอำนาจเช่นกัน ก็ได้ก่อกบฏในเวลาเดียวกันขึ้นมา แล้วเซี่ยงหยูรู้มาว่าหลิวปังมัวแต่หลงใหล ฉีฟู่เหริน  เซี่ยงหยูเลยสั่งให้ทหารของตนเนี้ยะไปจับเมียของหลิวปัง ลูกของหลิวปัง พ่อแม่ของหลิวปัง ขึ้นมาเป็นตัวจำนำ ฉีฟู่เหรินต้องตกเป็นเชลยอีกครั้ง ส่งเข้าไปอยู่ในคุก โดนเหยียดหยามทารุณต่างๆนานา มากกว่าสองปี

หลิวปังกับเซี่ยงหยูก็ได้ขับเคี่ยวกัน โดยมีการรบกันเ หลายต่อหลายครั้ง จนเวลาล่วงเลยไปจนถึงสองปี ก็เกิดการรบครั้งใหญ่ ซึ่งการรบครั้งนี้จะเป็นตัวตัดสินแล้วว่าใครจะได้เป็นผู้นำประเทศ ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากัน เซี่ยงหยูก็สั่งให้ทหารเอาหม้อใบใหญ่ขึ้นมา พร้อมกับต้มน้ำให้เดือด พร้อมกับขู่หลิวปังว่า ถ้าหลิวปังยังไม่ยอมจำนน จะเอาเมียและพ่อของหลิวปังเนี่ยะ ลงไปต้มทั้งเป็น หลิวปังนอกจากจะไม่ยอมจำนนแล้ว ยังพูดกลับไปอีกว่า ได้  อยากจะต้มก็ต้มเลย แล้วหลังจากต้มเสร็จแล้ว ข้าขอน้ำแกงอีกถ้วยนึง อุ๊ย!!! เซี่ยงหยูได้ฟังแล้วโกรธมาก ก็จะสั่งให้โยนพ่อของหลิวปังเข้าไปต้มทันที แต่ว่ามีขุนนางท่านหนึ่งได้ทัดทานไว้ โดยขุนนางผู้นั้นให้เหตุผลว่า ต่อให้โยนพ่อของหลิวปังเข้าไปแล้วต้มสำเร็จ นอกจากจะสร้างความฮึกเหิมให้กับทหารฝั่งตรงข้าม ยังจะทำให้ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่าเซี่ยงหยูเป็นขุนศึกที่ไม่มีทศพิธราชธรรม แล้วก็จะสูญเสียความนิยมให้กับนายของตัวเอง เพราะว่านายของตัวเองทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เซี่ยงหยูได้ยินคำทัดทานแบบนั้น ก็เลยไม่สั่งให้โยนพ่อของหลิวปังลงไปต้มในหม้อใบใหญ่ นี้

หลิวปังและเซี่ยงหยูสู้กันกว่าสองปีสี่เดือน เซี่ยงหยูก็เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ก็เลยต้องยอมปล่อยหลี่จื้อ และพ่อของหลิวปังให้กลับไปหาหลิวปัง

หลี่จื้อรีบแต่งตัวเข้าวังอย่างรวดเร็ว เพื่อจะได้พบกับสามีที่ตัวเองรัก เพราะไม่ได้เจอกันมานานแสนนาน แต่อนิจจานอกจากตอนที่หลี่จื้อเข้าไปในวังเพื่อพบหลิวปัง นอกจากหลิวปังจะยังไม่ได้ดีใจแล้ว ยังเย็นชาใส่ หลี่จื้อรู้ได้ทันทีว่าสามีของพระนางได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ได้มีพระนางอยู่ในหัวใจ ทั้งที่สิ่งที่พระนางทำให้หลิวปังนั้นมากกว่าหญิงผู้ใด

สิ่งที่พระนางทำมีอะไรบ้าง ข้อแรกดูแลพ่อแม่ของหลิวปัง ข้อสองดูแลลูกทั้งสองพร้อมกับไปทำงานในไร่กับครอบครัว พระนางยังยอมติดคุกแทนหลิวปัง โดนข่มเหง โดนข่มขืนไม่รู้กี่ครั้ง และข้อสุดท้าย พระนางยังเป็นตัวจำนำในคุกอีกสองปี เพื่อที่ว่าหลิวปังจะได้ทำงานสำเร็จ ผู้หญิงที่ต้องผ่านโศกนาฏกรรมมากมาย โดนทารุณแทบบ้า แต่พอมาเจอสวามี สาวมีกลับไม่ไยดี และไปทุ่มเทความรักให้กับสาววัยเด็กก็ คือ ฉีฟู่เหริน สิ่งที่พระนางทำมาทั้งหมดในเวลาสิบปีนั้น ถือว่าโดนลบด้วยเท้า ผู้ชายไม่เห็นเลย ทุกอย่างเหมือนกับเมฆหายไปในพริบตา

หลังจากหลิวปังขึ้นสถาปนาตัวเองเป็นฮ่องเต้ หลิวปังก็สถาปนาหลี่จื้อขึ้นเป็นฮองเฮาหลี่ แต่แม้แต่ตัวเองเป็นถึงฮองเฮา หลิวปังก็ไม่สนใจไยดี ไปหาตัวเองนับครั้งได้ หลี่จื้อเป็นม่ายทั้งทีสามีตัวเองยังอยู่ ใช้ชีวิตอยู่อย่างเดียวดายในตำหนักใน ในขณะที่ทุกคนไปประจบประแจง ฉีฟู่เหริน ในขณะที่ฉีฟู่เหรินเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง รู้ดีว่า ฮ่องเต้นั้นหลงพระนาง ก็พยายามตั้งตัวเองขึ้นเป็นฮองเฮา พร้อมกับขอร้องให้ฮ่องเต้นั้นปลดรัชทายาทและแต่งตั้งลูกของพระนางขึ้นเป็นรัชทายาทแทน ฮองเฮาหลี่ตอนนั้นไม่ใช่ฮองเฮาหลี่ที่เป็นหญิงชาวบ้านอีกแล้ว นางต้องผ่านอะไรมามากมาย นางจะไม่ยอมทนและจะไม่ยอมอดทนกับนางสนมชั่วนี้อีกต่อไป ประสบการณืได้ลับพระนางประดุจดั่งมีดที่คมกริบ ในขณะที่หลิวปังเรียกประชุมขุนนาง เพื่อจะปลดรัชทายาท พระนางก็ได้ไปเชิญสี่นักปราชญ์ ที่แม้แต่หลิวปังพยายามจะเชิญมากี่ครั้งไม่รู้ต่อกี่ครั้งก็ไม่ยอมมา แต่พระนางยอมเชิญสี่นักปราชญ์ออกมาจากเขา และเรียนเชิญให้สี่นักปราชญ์เหล่านี้มาเป็นราชครูให้กับรัชทายาทของตัวเอง

หลิวปังจึงไม่อาจปลดรัชทายาทได้ เนื่องจาก หนึ่งขุนนางได้คัดค้านอย่างหนัก ขุนนางทุกคนเห็นว่า ฮองเฮาหลี่จื้อได้ทุกข์ทนมามากมายเพื่อให้หลิวปังมีวันนี้ แล้วรัชทายาทก็เป็นโอรสองค์โต หลิวปังไม่อาจจะคัดค้านเสียงของเหล่าขุนนางได้ ไม่สามารถที่จะคัดค้านเสียงของเหล่าพระญาติได้ ก็เลยต้องไปบอก หลี่ฟู่เหริน ว่า ฉีฟู่เหริน ว่า แม้ข้าพเจ้าเป็นถึงฮ่องเต้ เหล่าขุนนางคัดค้าน เหล่าพระญาติคัดค้าน ฉีฟู่เหรินก็ต้องทำใจน่ะ ฉีฟู่เหรินรู้ตัวดีว่าไม่สามารถที่จะเป็นใหญ่ได้ นางก็ร้องห่มร้องไห้ แต่ยังไงนางก็ยังเป็นใหญ่ในวัง เพราะฮ่องเต้ฟังนางมากกว่าฮองเฮา แต่หลังจากจบเรื่องนี้ไม่นาน หลิวปังก็สิ้นพระชนม์ ในวัยห้าสิบกว่าๆ ฮองเฮาหลี่จื้อ ก็ได้ขึ้นเป็นไทเฮาหลี่

รัชทายาทก็ได้ขึ้นมาเป็นฮ่องเต้ในรัชกาลปัจจุบัน ฮองเฮาหลี่ขึ้นเป็นไทเฮา ตอนนี้มีอำนาจสูงสุดในฝ่ายใน ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถต้านพระนางได้ พระนางสั่งลงโทษฉีฟู่เหรินทันที ตอนแรกสั่งปลดยศฉีฟู่เหรินให้เป็นสามัญชน สั่งโกนหัว พร้อมกับส่งไปทำงานหนักซักล้างในวังหลัง ฉีฟู่เหรินที่เป็นหญิงสาวงดงาม โกนหัวไม่เคยทำงานหนักก็ต้องมาทำงานหนัก โดนล่ามโซ่ ไม่ต่างกับนักโทษที่ทำเรื่องอุกฉกรรจ์ ฉีฟู่เหริน ถึงแม้ว่าจะเป็นนักโทษ แต่ก็ไม่ยอมรับชะตากรรมของตัวเอง นางพยายามที่ว่าจะทำยังไงล่ะ ให้ตัวเองได้กลับมาเหมือนเดิม ก็เลยแต่งเพลงขึ้นมาเพื่อที่จะให้เพลงนี้ออกไปถึงหูของประชาชน ออกไปถึงหูของลูกชายของตนเอง ที่ตอนนี้ไปครองเมืองอยู่ต่างเมืองเพื่อหวังว่าหลังจากที่ลูกชายได้ยินเพลงนี้แล้ว จะกลับมาช่วยเหลือตัวเอง ไทเฮาได้ยินเพลงนี้แล้วโกรธมาก คิดว่า หลี่ฟู่เหรินเนี่ยะ ยังไม่รู้จักที่จะสำนึก ก็เลยสั่งลงโทษให้นางเป็นมนุษย์หมู โดยการตัดแขนขาออก ควักลูกตาทั้งสองออกมาเหลือเพียงกระบอกตาเป็นโพลง ปล่อยให้นางอยู่ในกองอาจม ส่งเสียงครวญครางไม่ต่างจากหมู นี่แหละคือสิ่งที่ไทเฮาหลี่จื้อ ลงโทษสนมฉีฟู่เหริน ที่กล้ามาล่วงเกินพระนางในสมัยที่พระนางเป็นฮองเฮา ซึ่งอันนี้ถ้าผู้ฟังมาถามแอดมินว่า โหดร้ายมั้ย?
โหดร้าย ลงโทษเกินไปมั้ย? ลงโทษเกินไป แต่อย่าลืมว่าก่อนที่ไทเฮาหลี่จะขึ้นมามีอำนาจในวันนี้ ไทเฮาหลี่ต้องผ่านโศกนาฏกรรมมากว่าสี่ครั้ง แอดมินก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ถ้าผู้ฟังเป็นไทเฮาหลี่จะจัดการความคิดเคียดแค้นในใจอย่างไร พระนางเสียเวลา ทั้งชีวิต เสียใจมาตลอดชีวิต ในขณะสิ่งที่พระนางได้รับการตอบแทนก็คือ ความเฉยชาจากสามี สวามีเลือกที่จะฟังหญิงรุ่นลูก แล้วที่จะปลดพระนางแ พร้อมที่จะมาปลดลูกของพระนาง นี่หรือคือการตอบแทนที่เสียเวลามาครึ่งชีวิต

คอมเม้นค่ะ

คอมเม้นท์ว่าถ้าเป็นคุณแล้ว คุณจะทำเยี่ยงไร

Comments

Popular Posts